Tuesday, October 23, 2007

I ran so far...

Iranian president gave a talk recently at Columbia University when he visited New York City for the UN assemble. One of the notorious statements he made during his speech was that "there is no gay in Iran." Shortly afterward, Saturday Night Live (SNL) produced this skit "I-ran So Far" as part of their SNL Digital Short program. What a witty way to respond to the president's statement. Funniest SNL Digital Short so far.



May be I should put in a subtitle? hehehe

Here's the lyric:

They say true love comes only once in a lifetime
and even though we’re from opposite ends of the earth,
my heart tells me you’re the one for me.
Mahmoud

I remember when it started, saw you on the news
you were hating gays, I was eating food
but I was feeling you, and even though I disagreed with almost everything you said
you aint wrong to me, so strong to me, you belong to me
Like a very hairy Jake Gyllenhaal to me
Mahmoud make my heart beat right out of my chest
my mind says no but my body says yes
Nuclear threat, the only threat I see
is the threat of you not coming home with me.
Our love for each other’s like when atoms collide
Can’t express how I feel
Ay yo Adam let’s ride

And Iran, Iran so far away
is your home, but in my heart you’ll stay

He ran, for the president of Iran
we ran together to a tropical island
my man, Mahmoud is known for rilin’
smiling, if he can still do it then I can
they call you weasel, they say your methods are medieval
you can play the Jews I can be your Jim Caviezel
S&M, nestlin’ when we’re wrestlin’
You can be the port that I park my vessel in
So I try to mute the tv but you can still see me
with your sleepy brown eyes, butter pecan thighs
And your hairy butt…
Yeah.

And Iran, Iran so far away
come home, and in my arms you’ll stay

Used to look at the stars and dream
round the world same stars were seen
And a twinkle in your eyes Mahmoud.
Talk smooth to me, without a tie
your pants high waisted, damn so fly.
We can take a trip to the animal zoo
and laugh at all the funny things that animals do
Like Eugene (Levy) you got me straight trippin’ boo
hope you look in my eyes and say I’m trippin’ too
you say Iran don’t have the bomb but they already do
you should know by now, it’s you.

And Iran, Iran so far away
is your home, but in my heart you’ll stay

You crazy for this one Mahmoud
you can deny the holocaust all you want
but you can’t deny that there’s something between us
I know you say there’s no gays in Iran
but you’re in New York now baby
it’s time to stop hiding,
and start living

Thursday, August 02, 2007

เรื่องของเรื่อง ก็คือว่า...

ฤดูใบไม้ผลิมาเยื่อนอีกครั้ง

ดอกไม้ทําให้คนมีความสุข หันไปทางไหน คนก็หัวเราะกันดุ๊กดิ๊ก คิกคัก


เราเป็นคนชอบถ่ายรูปคนเเปลกหน้าเด็กๆในสวน Brooklyn Botanical Garden ช่วงเทศกาลชมดอกซากุระ น่ารักกันทุกคน

ถึงดอกไม้จะบานกันโครมๆ ก็ไม่ได้ทําให้ข้าพเจ้ารู้สึกสงบในจิต
หลายเดือนมาเเล้วที่เฝ้าคิดถึงขอบทะเลฝั่งตะวันตก ประกอบกับรายการที่ทําอยู่ก็ใกล้จะจบลง
จึงตัดสินใจบอกลาเพื่อนๆหน้าตาดีกลุ่มนี้ (ท่าทางเพื่อนเราไม่เศร้า ที่ต้องจากกันเท่าไหร่)


บอกลา ไทม์ สเเควร์ เเหล่งซ่องสุม (เเล้วก็เลยไปบอกลาร้านอาหารเจ้าประจํา เขาจะได้ไม่เสียใจ ว่าทําไมหายหัวไปเฉยๆ)





เเล้วเราก็เก็บของบินข้ามประเทศมากบดาน ที่ ร้อยเอ็ด - ลอส เเองเจลลิส


ตอนนี้ทําการ์ตูนเรื่อง El Tigre อยู่ที่ Six Point Harness ใครอยู่ที่นี่ หรือที่บ้านรับ Nickelodeonได้ กรุณาช่วยอุดหนุน ฉายเช้าวันเสาร์ สิบโมงครึ่ง

ข้างบนเป็นที่ทํางานใหม่ของ ร.
เราพบว่า การ์ตูนเนทเวิร์ค จริงๆเเล้วเป็นร้ายขายขนมดีดี นี่เอง ไม่ว่าวันไหน ก็มี ชอคโกเเลต ลูกอม ชีโตส โค้ก ตุนไว้ตลอด
ทําไมพนักงานมันผอมเเกร่ว กันได้ทุกคน ก็ไม่รู้

หลังจากไปเยี่ยมชมที่ทํางานกันในวันเเรก
ก็ถือโอกาสไปเยี่ยมที่ทํางานเพื่อน


มันทํางาน ระบายสี ของประกอบฉาก ในการ์ตูนทีวีเรื่องใหม่ ประมาณว่าเป็น รีเมค ของ ทิงเกิลเบล (จากปีเตอร์เเพน) ที่ดิสนีย์ ตึกงดงามดี เเถมยังมีรอยมือของเจ้าพ่อ(เราต้องเรียกว่า เจ้าปู่) อนิเมเตอร์รุ่นเเรกๆ Frank & Ollie เเละคนอื่นๆ

ถ้าทํางานที่ดิสนีย์ ไปเทียวดิสนีย์เเลนด์ ฟรี (เพื่อนก็ฟรี)
เราก็เลยตามๆกันไป

พาเหรดน่ารักดี
เเต่คุณพี่คนนี้ ไม่รู้ว่ามันอยู่ในบทมั้ย อยู่ดีดี ก็เตะถ้วยน้ำชาใหญ่เลย (คงจะเรียกร้องความสนใจ)

ข้างล่างนี้ ขอฝากให้เหล่าคนที่เเก่พอจะรู้จัก เเละ รัก Transformers

Construction site on Sunset Blvd. is covered by Transformers ad. Good thing I got the little green traffic light at the bottom for size reference.

Logo on Optimus Prime Truck. Super shiny.
6PH Studios is located near the Arclight Theater in Hollywood (จอหนังโค้งรอบ180องศา น่าจะทําให้ดูหนังยาก เลยยังไม่เคยไปดู) Around the opening week, they brought in couple cars from the movie to get people excited.
I would like to end this longest post with my favorite picture.
I'll translate the rest into English at Bluefoot Blog soon...I hope :D

Saturday, April 14, 2007

more character work โฮ่ยยย !





I guess I'll post my work here too. I'm getting a little confused of where I should post my sketches. Like I said in earlier post that I haven't had time to update my portfolio or my reel since....longggg time ago. So if you guys want to find updated work go to bluefoot blog. It's a combination of my work and Ryan's so you can have twice as much fun browsing through the art work.

Happy Thai New Year! I ate at Thai restaurant as a celebration. hehe

เอางานมาเเปะในบล็อกนี้ด้วยละกัน มีหลายบล็อก เริ่มจะสับสน อย่างที่บอก ไม่ได้อัพเว็บงาน/อนิเมชั่น คลิป ตัวเองมาตั้งนานเเล้ว
งานชิ้นล่าๆ จะเอามาเเปะที่นี่ เเละ ที่ bluefoot blog ซึ่งรวมงานของ ร.ด้วย จะได้ช่วยส่งเสริมงานข้าพเจ้าให้ดูดี ฮ่า ฮ่า

ยังไม่ได้ไปวัดไทย เนื่องในวันสงกรานต์เลย วันนี้ตื่นสายมากๆ (จริงๆเเล้ว ก็ไม่เเน่ใจว่าวัดอยู่ที่ไหน)

สวัสดีปีใหม่ไทยจ้า ปีใหม่ไทย ไปกินข้าวผัดกระเพราที่ร้านไทยมา เจ้าของร้านตื่นเต้น เห็นเป็นคนไทย ผัดมาซะเผ็ด น้ำตาจะไหล

Monday, April 02, 2007

ขอวีซ่าทํางาน วัน April Fool's



ได้อัพเดทลิงค์ซักที ดีใจจัง
ที่เหลือคืออัพเดทเว็บไซต์ เเต่ก็มีงานเข้ามาเรื่อยๆ ไม่มีเวลาซักที -_-

อ่าน หนึ่งร้อยปีเเห่งความโดดเดี่ยว จบไปเมื่อ April Fool's พอดี ไม่มีเวลาไปหลอกใคร หนังสือสนุกดี เหมือนหนังสือประวัติศาสตร์ ของเมืองที่ไม่มีอยู่จริง อ่านเเล้วนึกถึงเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธ์ที่ญาติๆเล่าให้ฟัง บวกกับที่บ้านเพิ่งไปหาหมอดูมา สรุปได้ว่า ครอบครัวอย่างของคุณ Buendiaนี่ มันคงมีอยู่ทั่วโลก

พูดถึง April Fool's
ได้คุยกับน้องสาวสุดที่รักผู้รอผลเอนท์อยู่อย่างใจจดใจจ่อ น้องบอกว่าปีนี้มีคนทําเว็บปลอม ประกาศผลเอเนท(หรือโอเนท จําไม่ได้ซะที)พอเข้าไปเช็คคะเเนนสอบ เว็บมันก็บอกว่า "ฮ่าฮ่าฮ่า ไอ้หน้าโง่"...เว็บมันไม่ได้บอกอย่างนั้นหรอกนะ เเต่ก็ประมาณว่า สุขสันต์วันเเห่งความหลอกลวง
น่าสงสารเด็กรอผลสอบ (โฮะโฮะโฮะ)

วันที่หนึ่งเมษา ยังมีความสําคัญอื่นนอกจากเอาไว้หลอกกันเล่น
เพราะมันเป็นวันเเรกของการสมัครวีซ่าทํางานชั่วคราว หรือ H1B สําหรับเเรงงานต่างชาติในอเมริกา

เด็กนักเรียน ระดับ ปริญญาตรี โท เอก เมื่อจบการศึกษาเเล้ว ทางรัฐบาลจะให้วีซ่าทํางานชั่วคราวเรียกว่า Optional Practical Training เพื่อเป็นการฝึกงานหนึ่งปี หลังจากนั้น ใครอยากทํางานต่อไป บริษัท ต้องรับรองสถานะโดยการสมัคร H1B วีซ่าให้ ซึ่งก็เปิดรับสมัครในวันที่หนึ่งที่ผ่านมา ไปจนกว่าโควต้าจะเต็ม

ปีที่เเล้วเปิดไปเเค่สองเดือนโควต้าก็หมด เด็กสมัครไม่ทันเต็มเมือง (หนีไปเรียนโท กันเพียบ)

คิดๆเเล้วไอ้ระบบเเรงงานต่างชาตินี่ก็เเปลกๆ
เราไปซื้อข้าวกลางวัน เอาผ้าไปซักที่ร้าน ไปซื้อของที่ตลาด เเต่ละเเห่ง คนขายเเทบจะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลยซักกะเเอะ
เเต่เค้าก็ทํางานอยู่กันได้ไปวันๆ ไม่มีใครจับส่งกลับประเทศ

กับคนที่เรียนจบระดับตรี/โท ทํางานศิลปะ การเงิน วิทยาศาสตร์
หางานได้ เเต่ทํางานไม่ได้
:/



ปล.
รูปไม่เกี่ยวกับกระทู้ วาดไว้ตอนว่างๆ นั่งชอป leg warmers ออนไลน์กับเพื่อน
เสียดายไม่เคยซื้อมาใส่เล่นซักคู่ ตอนไปเที่ยวญี่ปุ่น เห็นขายกันเกลื่อนถนน

Monday, March 26, 2007

เล่น Book Tag ด้วยคน



อากาศเริ่มอุ่น ทําให้เรานึกถึงเพิงร้านหนังสือ ชื่อ Strand ตรงหัวมุมตะวันออกเฉียงใต้ของ Central Park
ทําเลเพิงมันก็ดี๊ดี มองตรงข้ามสี่เเยกไป ก็มีร้านAppleตั้งตระหง่าน กระจกใสสะท้อนเเสงเเดดเป็นประกาย วิ๊งงงงง เชียว
ใครเป็น Geek เเยกไปร้านApple ส่วนพวกเนิร์ดๆ ก็หลบมาพักพิงจิตใจได้ ที่ Strand



จริงๆเเล้วเราเเวะไปบ่อยๆ เเต่ก็ไม่เคยอุดหนุนหนังสือจากร้านนี้ซักเล่ม
ไม่ใช่ว่าเเวะไปยืนอ่าน เเล้วไม่ซื้อ เเต่เพราะร้านนี้ มีสามสาขา ตั้งเเต่ midtown ลงไปถึงท่าเรือ downtown
เราเเวะไปซื้อในอีกสองสาขา ซึ่งเป็นร้านใหญ่ อยู่ในตึก มีเวลาเปิด-ปิด เป็นทางการ ส่วนเพิงหนังสือ มันปิดร้านเมื่ออาทิตย์ตก (อารมณ์ศิลปิน บวก กลัวโดนปล้น)

เมื่อก่อน เวลาไม่รู้จะอ่านหนังสืออะไรต่อ เราก็มักจะเเวะไปที่เว็บ faylicity เพราะรสนิยมคล้ายคลึงกัน ถ้าคุณโอ คุณเฟย์ เเนะนํามา ส่วนมากก็เป็นหนังสือน่าอ่าน

เดี๋ยวนี้ อ่านหนังสือจบ เราก็โฉบไปที่ร้าน Strand ซึ่งจะมีโต๊ะหนังสือรวมฮิต เเถมลดราคาอีกต่างหาก เราซื้อหนังสือเเบบเดาสุ่มจากโต๊ะนี้ไปหลายเล่มเเล้ว เเต่มาคิดๆดูเเล้วนะ เราก็เป็นพวกชอบอ่านหนังสือขายดี (สังเกตมาว่า หนังสือที่ได้รางวัลอย่าง Man Booker Prize หรือ Pulitzer ก็จะเป็นหนังสือขายดีไปด้วยในตัว เเต่พวกหนังได้รางวัลเยอะๆ คนไม่ค่อยไปอุดหนุนกัน)อาทิตย์ก่อนนู้นไปเที่ยวบ้านเพื่อน ก็ตกใจกับรสนิยมหนังสือที่เกือบจะตรงกันเป๊ะๆ เเต่เราก็สรุปกันไปว่า เเค่ตามอ่านหนังสือ ติดอันดับ New York Times bestseller กับหนังสือรางวัลใหญ่ๆ ก็ไม่รู้ว่าชาตินี้จะอ่านได้ครบทุกเล่มรึเปล่า

ไว้วันหลังจะมาเล่าถึงหนังสือ ที่อ่านไปในปีที่ผ่านมา
เเต่วันนี้ขอเล่น Book Tag ที่ S65 มาโพสท้าไว้ 555



หนังสือเล่มล่าสุดที่เพิ่งซื้อมา

Sputnik Sweetheart/ Haruki Murakami อ่านค้างไว้นานเเล้ว เลยซื้อมากะจะอ่านให้จบ

หนังสือเล่มล่าสุดที่เพิ่งอ่านจบ
The History of Love / Nicole Kruass เกี่ยวกับชาวยิวอพยพหนีสงคราม จากโปเเลนด์มาอยู่Brooklyn ถึงจะเป็นเรื่องราวความรักพลัดพราก เเทรกเกร็ดประวัติศาสตร์ สะท้อนความรันทดของผู้อพยพ เเต่หนังสือโดยรวมก็ไม่ได้หดหู่ซะทีเดียว
คนเขียนเป็นภรรยาของ Jonathan Safran Foer(เขียน Everything is Illuminated ซึ่งก็เป็นเรื่องของยิวพลัดถิ่นอีกเช่นกัน) สรุปว่า สนุกดี น่าเอาไปเเปลเป็นภาษาไทย

หนังสือที่ยังอ่านไ่ม่จบ
One Hundred Years of Solitude/ Gabriel Garcia Marquez ถ้าจะเดินทางไกลๆ เเนะนําเล่มนี้ หนาดี หอบไปเล่มเดียวคุ้ม

หนังสือที่คุณอ่านมากกว่าหนึ่งรอบ
หลายเล่ม เเต่ที่บ่อยมากๆ คือ เเกะรอยเเกะดาว ของมุราคามิอีกนั่นเเหละ

หนังสือที่เปลี่ยนชีวิตคุณ
ตอนเด็ก- โต๊ะโตะจัง เด็กหญิงข้างหน้าต่าง/Tetsuko Kuroyanagi
ตอนโต- Immortality/ Milan Kundera

หนังสือที่ทำให้คุณหัวเราะ
Calvin & Hobbes การ์ตูนมันขํา น้ำตาไหลเลย

หนังสือที่คุณฝันว่าคุณน่าจะเป็นคนเขียน
คําถามนี้ยากจังเเฮะ เราไม่ค่อยคิดว่าเราน่าจะเป็นคนเขียนเรื่องที่คนอื่นเขียนมาเเล้วอ่ะนะ

หนังสือเล่มต่อไปที่อยากอ่าน
Sputnik Sweetheart ไง ไหนๆก็ซื้อมาเเล้ว

เขียนเยอะจังวันนี้ นานๆมีเวลาพิมพ์ไทยได้ อิ อิ

Thursday, March 08, 2007

feeling blue



Plus a little soundtrack from Madeleine Peyroux's latest album "Half the Perfect World"

Monday, February 26, 2007

NYC Comic Con ต้อนรับเทศกาลตรุษจีน

เมื่อวันเสาร์ เรากับร. ไปงาน comic convention ประจําปี ของเมืองNew York City ซึ่งจัดขึ่นเป็นเพียงปีที่สอง ถึงเเม้ว่าจะ ไม่มีบารมีเทียบเท่างานรุ่นป๋าอย่าง San Diego Comic Con International เเต่งานทางฝั่งนิวยอร์คปีนี้ ก็มีขนาดใหญ่ขึ้นจากปีที่เเล้วหลายเท่าตัว ขนาดเค้าว่างานไม่ใหญ่ เราก็เดินได้ไม่ทั่วถึงอยู่ดี

งานนี้จัดขึ้นที่ Javis Convention Center (ก็คล้ายๆ ศูนย์สิริกิตต์) ยาวเลียบเเม่น้ำ Hudson ไป6-7 ช่วงตึก
เราไปถึงงาน ตั้งเเต่เก้าโมงเช้า เพื่อเตรียมบูทโปรโมทงานของทางสตูดิโอ ตอนเเรกคิดว่า คนไม่เยอะ เพราะมองไปรอบๆ ก็เห็นเเค่ทหารลูกน้องในStar Wars ยืนรอพรรคพวกอยู่อย่างโดดเดี่ยว เเอบเห็นใจว่า มันโดนเพื่อนหลอกให้เเต่งตัวมารอเก้อ รึเปล่าเนี่ย



เเต่เเป๊ปเดียวคนก็เริ่มหนาเเน่น จนถึงหนาเเน่นมากๆ


บูทเราผู้ชายเยอะ ทําให้ฝ่ายหญิง หน้าตาดีเป็นพิเศษ

ประชากรผู้หญิงอีกคนจากที่ทํางาน อาสาเเปลงร่างเป็นตัว Guano ภายนอกอาจจะเห็นว่า Guano ดูอัธยาศัยดี เเต่ Kristin ที่อยู่ข้างใน กําลังจะเป็นลม หลังๆ เลยต้องมีคนมาพยุงเดิน จะได้ไม่เหยียบเด็กๆที่วิ่งกรี๊ดกร๊าด เข้ามาจับพุง


ตอนเที่ยงวัน เรากับเพื่อนๆอนิเมเตอร์อีกสามชีวิต ออกมานั่งวาดรูปคาเเรคเตอร์ให้กับเด็กๆเเฟนรายการ เด็กเล็กๆน่ารัก เข้ามารับรูปวาดกันเป็นระเบียบเรียบร้อย เเต่เด็กอายุ 15ขึ้นไปนี่ ออกเเนวน่ากลัว ได้รูปไปเเล้ว เเต่เดี๋ยวมันก็ไปต่อเเถวกลับมาขออีก จะเอาไปขายเรอะไง (รูปนี้ไม่เกี่ยวอะไรกัน วาดเสร็จเเล้วก็เลยออกมายืน ให้ดูตัวเตี้ยเล่นๆ ข้าง Mikey)


บูทเกมส์ Play Station เอา Guitar Hero มาให้เล่นกันหลังรถ อยากเล่นมั่ง เเต่ฝีมือเราอ่อนด้อยมากๆ


อีกอย่างที่เห็นเเล้วเกิดกิเลส คือ เจ้า mimobot USB port น่ารักน่าชัง ขนาดเล็กประมาณนิ้วโป้ง 2GB ตั้งร้อยเหรียญเเน่ะ




ก่อนกลับบ้าน เดินออกมาที่ลานนอกตึก เห็นฝูงทหารลูกน้อง ยืนกันพร้อมหน้าพร้อมตาเเล้ว รู้สึกอบอุ่นใจ อย่างน้อยไอ้ตัวขาวเมื่อเช้า ก็ไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป


--------------------------

ขอนอกเรื่อง พูดถึง Pan's Labyrinth

เรารักหนังเรื่องนี้มากๆ เพราะนานๆที จะมีหนังที่ทําให้คนดูเข้าใจอย่างเเท้จริงว่า จินตนาการมีพลังมากขนาดไหน
ดูเเล้วก็ชวนให้นึกถึง หนังสือของ Yann Martel ที่ชื่อว่า Life of Pi
ที่พูดว่า รากฐานของศาสนาที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ อยู่ที่จินตนาการมนุษย์นั่นเเหละ

Pan's Labyrinth เข้าฉายที่นิวยอร์ค มานานเเล้ว
เเต่เราไม่ค่อยอยากเขียน รีวิวหนัง มีหลายเรื่องที่อยากเขียนถึง อย่าง The Fountain หรือ Science of Sleep เเต่กลัวบอกคนอ่านมากเกินไป

เเต่เนื่องจากเมื่อคืนนี้ Pan's Labyrinth ได้Oscarมาหลายตัว เลยอยากเขียนถึงนิดๆหน่อยๆ
หวังว่าคงไม่ได้สปอยล์อะไรมากนัก

เข้าฉายเมืองไทย อย่าลืมไปดู




Wednesday, February 14, 2007

วาเลนไทน์ valentine




This card is now featured on ColdHardFlash! I can hardly believe that my work is displayed on the site along with other artists and animators I admire. Really, it makes my day :D

For those of you who browse along from CHF to my blog, which as you can see it's written mostly in Thai, feel free to visit the English version at bluefoot blog or my portfolio

Thx for stopping by!

วันนี้พายุหิมะถล่มเมือง ต้อนรับวันเเห่งความรัก
พายุหิมะคงยังเป็นโสดอยู่ เลยหงุดหงิดกลบถนนซะมิดเลย
เมื่อเช้าเเวะเข้ามาเเปะการ์ด valentine's day ที่ข้าพเจ้านั่งทําหลังขดหลังเเข็ง
เพื่อมิตรรักเเฟนเเพลงทุกคนไว้ให้ดูเล่นกันไปก่อน

ตกเย็นเลยเข้ามาเขียนเพิ่มเติม

ไอเดียเริ่มมาจาก สเก็ตช์เล่นๆบน magna doodle (ของเล่นย้อนยุค ที่เอามาเเขวนไว้บนผนังบ้าน)


The initial sketch. This is where it started, on magna doodle.

มองไปมองมา มันขําๆดี ก็เลยเอามาทําเป็นอนิเมชั่นเล่นๆ

ช่วงที่ผ่านมางานยุ่งหัวฟู เพราะ american greetings (บริษัท ผลิตการ์ด ทุกเทศกาล)มาติดต่อให้ทํา e-card อยู่หลายงานต่อๆกัน หนึ่งในการ์ดเหล่านั้นก็มี การ์ด วันวาเลนไทน์ ของ bluemountain.com ด้วยหนึ่งใบ (อืม...หนึ่งไฟล์ จะเรียกมันว่าอะไรดีนะ)

Click here to see the card we did for bluemountain.com

ตอนเรียนมัธยมเคยฮิตส่ง e-card อยู่เหมือนกัน ผ่าน bluemountain เนี่ยเเหละ
สมัยนั้นยังฟรีอยู่ เดี๋ยวนี้ต้องจ่ายค่าสมาชิก
เรามันพวกงก ชอบคิดว่า "ทําเองก็ได้วะ"
(ความคิดนี้เเวบผ่านมาบ่อยๆ เวลาเดินจตุจักร เเล้วเห็นของน่ารักๆ...เเต่ไม่เคยได้ทําเองหรอกนะ)

ถ้าอยากส่งลิงค์ การ์ดหมีตด ให้เพื่อนๆ ใช้ urlนี้จ้า
http://bluefootstudios.com/vday07/vday07.htm

Wednesday, February 07, 2007

imeem is awesome

เเหะๆ ว่าจะเเก้คําผิดที่เขียนไว้ตั้งเเต่อาทิตย์ก่อน ดันเผลอลบหน้านี้ไป....ทํายังไงดี
T_T
เอาเป็นว่าโพสเพลงใหม่อีกเพลงละกันนะ

Friday, January 12, 2007

สวยจัง



เย็นวันก่อนคริสต์มาส เราชวน ร.ออกไปเดินเล่นนอกบ้าน
ระหว่างทางเดินขึ้นเนินกลับบ้าน อยู่ดีๆฝนน้ำเเข็งก็โปรยลงมา

เกือบเป็นหิมะ เเต่ก็ยังไม่เป็น

ว่าไปก็สวยดี น้ำเเข็งเกล็ดเล็กๆ จับเเสงสีส้มจากเสาไฟฟ้าข้างทาง ดูระยิบระยับ

เเต่ ฝนน้ำเเข็ง มันก็เหมือนทรายเม็ดเล็กๆ ต่างกันตรงที่ว่ามันละลายทันที
ตกลงมาโดนหัวเเค่คันๆเจ็บๆ ยังไม่ทันได้ตั้งตัว มันก็ละลาย..ฟรึบ
ทําให้รู้สึก คัน-เจ็บ-เย็น-เจ็บ ตามลําดับ

กว่าจะเดินถึงบ้าน เสื้อโค้ตเปียกซก หน้าก็ระบมไปหมด

---

เหมือนจะไม่เกี่ยวกัน เเต่มันก็ทําให้เราก็นึกถึงโฆษณาทีวีชิ้นนี้
เวลาหงุดหงิดทีไร ดูวีดีโอคลิปนี้ ก็รู้สึกสงบใจ ทุกที
เราก็เป็นเเค่ฝุ่นผงเล็กๆของจักรวาลเองนะ คิดมากกันไปทําไม

To call for hands of above, to lean on.
wouldn't be good enough ?


นึกชื่นชมกองถ่าย ที่ใจถึง เอาลูกบอลซุปเปอร์เด้ง(อาจจะมีชื่ออื่น เเต่ตอนเด็กๆเรียกมันว่าอย่างนี้)
เป็นพันๆลูก ไปเทลงบนยอดเนินของเมืองซานฟรานซิสโก
มั่นใจได้ยังไง ว่ามันจะออกมาสวยอย่างนี้ ?

วันนั้นหมาเเมวคงตกใจ ยังไม่รวมถึงมด เเละ เเมลงต่างๆ
ที่คงจะรู้สึกเหมือนกับเราในวันนั้น

สวย เเต่..เจ็บชิบ

Wednesday, January 10, 2007

Ellen's Acres: เด็กป่วน โรงเเรมนรก




เเละเเล้ว เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
Ellen's Acres โชว์ใหม่เอี่ยมจาก Animation Collective ออกฉายทางช่อง Cartoon Network เป็นวันเเรก
ทุกๆครั้งที่ รายการใหม่ออกฉายเป็นวันเเรก (ที่เขาเรียกกันว่า premiere นั่นเเหละ)สตูดิโอจะจัดปาร์ตี้ ให้ทุกๆคนจากทั้งสามออฟฟิศมาร่วมนั่งๆนอนๆ ดูรายการที่ตัวเองทํา โดยพร้อมเพรียงกัน

ครั้งนี้เราจัดงานกันที่บาร์ ตรงข้ามออฟฟิศใน Hell's Kitchen บนถนนหมายเลข 44th
นับว่าเป็นบาร์คู่บุญกับสตูดิโอเรา เอะอะอะไรมันก็ไปเมากันที่นี่ประจํา
เเต่เนื่องจาก Ellen's Acres เป็นรายการสําหรับเด็กเล็กๆ(กลุ่มประมาณอนุบาล -)
พวกที่กะไปเมาเลยเสียฤกษ์ เพราะเราไปจองบาร์กันไว้ตอนเก้าโมงเช้า เพื่อรอเวลาฉายจริงเก้าโมงครึ่ง
(ขี้เมาจริงๆเลย อนิเมเตอร์เนี่ย)


งานนี้มีอาหารเช้าเเบบโรงเเรม (เเปลว่า ตักเองได้เเต่จะมีพนักงานมายืนคุมเชิง หยิบเบคอนออกชิ้นสองชิ้น พี่เเกก็หยิบเบคอนออกมาเติมทันที...ช่างน่าเกรงขามจริงๆ) เเล้วก็เครื่องดื่มเเอลกอฮอล์ผสมน้ำส้ม เดาเอาน่ะ ผสมอะไรไม่รู้ เเต่อร่อยดี


คุณโปรดิวเซอร์ กับอาเฮียผู้กํากับ


ร. ถือกล้อง รอถ่ายรูปชื่อตัวเองหลังรายการ (เป็นเอามาก) เราไม่เคยไป premiere ของรายการตัวเอง (Kappa Mikey) เพราะเข้ามาทําตอน season 2 เเล้ว เลยเเอบตื่นเต้นเเทน ร.เล็กน้อย


------

เรื่องย่อ Ellen's Acres


ครอบครัวของ Ellen ประกอบไปด้วยคุณพ่ออดีตโปรสเกตเตอร์ กับคุณเเม่อดีตทนายทางกีฬา (อาชีพประหลาดทั้งคู่)ย้ายจากเเอลเออันเเสนคึกคัก ไปปักหลักบริหารโรงเเรม Emerald Acresในเมืองเล็กๆในรัฐเนวาดา เนื่องจากเพื่อนเล่นวัยเดียวกันหาได้ยาก หลังเลิกเรียน Ellen จึงใช้เวลาจินตนาการ คน สัตว์ สิ่งของรอบๆ โรงเเรม ไปเป็น สัตว์ประหลาด ไดโนเสาร์ คาวบอย เพนกวิน(เเละอื่นๆ)เเก้เซ็ง บางทีเจ๊ก็เล่นเป็นนักสืบ เป็นนักบินอวกาศ เรียกได้ว่าเขวี้ยงก้อนหินให้ Ellen เธอก็อาจจะอุทานว่า "โอว นั่นคือสะเก็ดดาวเคราะห์น้อยหัวช้าง พุ่งเข้าชนโลก!"

เป็นรายการที่โดนใจเรามาก เพราะตอนเป็นเด็ก หลังบ้านเราก็เป็นพื้นที่เชื่อมอยู่กับโรงเเรมเล็กๆในตัวเมืองชลบุรี
เลิกเรียนปั๊ป ไม่มีอะไรเร้าใจไปกว่าการออกไปสํารวจพื้นที่รอบๆโรงเเรม เหมือนน้อง ellen
เเต่กิจกรรมของกลุ่มเด็กอย่างเรา advanceกว่าเยอะ ตัวอย่างคร่าวๆคือ
-เอาตะปูไปวางหลังล้อลูกค้าโรงเเรม เเล้วรอให้เค้าถอยรถมาเหยียบ
-ซุ่มจับเต่าทองในทุ่งหญ้าข้างลานจอดรถ(หลังจากวางตะปูรถเเล้ว)
-ออกเเมชท์ ท้าต่อยมวยกับพี่พนักงานโรงเเรม
-วิ่งเล่นรอบศาลพระภูมิ

อย่างว่านะ เด็กอเมริกัน มันก็ทําได้เเค่ เล่นกับสัตว์ประหลาด หึ หึ...เป็นเด็กไทย ถึงใจกว่าเยอะ



อยากจะอธิบายคร่าวๆถึงวิธีการทํา


รายการนี้ผลิตด้วยโปรเเกรมFlash เรียกกันว่า symbol based animation ซึ่งเป็นวิธีที่กําลังเป็นที่นิยมในทวีปอเมริกาเหนือ เพราะประหยัดทั้งเวลาเเละงบ(อีกรายการนึงที่ใช้วิธีเดียวกันคือ Foster's Home for Imaginary Friends สนุกมากๆ)ตัวละครเเต่ละตัวจะถูกวาดขึ้นเหมือนกับตุ๊กตากระดาษ (คือเเยกชิ้นส่วน เเขน ขา หัว ปาก ตา กระโปรง..)เเยกเป็นlayerหลายๆชั้น เเต่ละชั้นประกอบด้วยชิ้นส่วนเดียวกันในท่าทางอื่นๆอีก สมมติว่าอยากอนิเมท "เเขนขวา" พอคลิกบนเเขนหนึ่งครั้ง ก็จะเจอ เเขน poseอื่นๆอีกเป็นสิบ(กางเเขน พับข้อศอก กอดอก)มาให้เลือก ซึ่งช่วยทุ่นเวลาอนิเมเตอร์ตาดําๆ ได้มาก อะไรที่ใช้บ่อยๆ ก็ไม่ต้องวาดซ้ำอีก เพราะเก็บไว้เเล้วใน library ส่วนที่ยากที่สุดก็คือ การทําให้ชิ้นส่วนพวกนี้เเสดงออกมาสมจริงสมจังนั่นเเหละ

อนิเมเตอร์ ก็คือนักเเสดงนั่นเอง (หน้าไม่ให้ไปออกทีวี เลยต้องมานั่งวาดเเทน โฮะ โฮะ)


ดูภาพน่ารักๆจากรายการได้ที่ http://ellensacres.com/จ้า

Monday, January 08, 2007

ถูกเเปะซะเเล้ว

ถูกคุณ Grappa(link อยู่ทางด้านขวามือ) "Tag" วันนี้เลยจะเขียนเล่าถึงตัวเองบ้าง
เพราะตามกฏBlogลูกโซ่นั้น คนที่ถูก "เเปะ"จะต้องเขียนเล่าเกี่ยวกับตัวเอง 5 ข้อ
เเล้วก็ต้องไป "เเปะ" เหยื่อ อีก5 คน ให้กระทําตามอย่างเดียวกัน
เชื่อกันว่า ผู้เเปะจะได้ส่วนกุศล ชีวิตสงบสุข ไร้โรคา

ก่อนเขียน นึกขึ้นได้ถึงตอนหนึ่งของหนังสือ เเกะรอยเเกะดาว (มุราคามิ เขียน, นพดล เวชสวัสดิ์ เเปล)เลยมาให้อ่านเล่นๆ

ในบทที่หนึ่ง "ลึงค์ปลาวาฬ กับสาวสามอาชีพ" ตัวเอกของเรื่อง ("ผม") นัด นางทางโทรศัพท์ ที่เรียกตัวเองว่า หนู
มาทานข้าวเย็นกันเป็นครั้งเเรก "หนู" ขอให้ "ผม" เล่าเรื่องตัวเองให้ฟัง สิบนาที
หลังจากสิบนาทีนั้นผ่านไป หนูพูดว่า "ทุกคราวที่หนูเจอกใครสักคนเป็นครั้งเเรก หนูจะขอให้เขาเล่าอะไรสักอย่างให้ฟังสิบนาที จากนั้น หนูจะประมวลตัวตนที่เเท้จริง ตรงข้ามกับเรื่องที่เขาเล่า..."


โปรดใช้วิจารณญาน

------

1. ชื่อบล็อก Somewhere in between มีที่มาจากเพลง Better Together ของ เฮีย Jack Johnson
If all of these dreams might find there way
into my day to day scene,
I'll be under the impression
I was somewhere in between.
ชอบประโยคนี้ เพราะเห็นด้วยว่า เราทุกคนเดินทางอยู่ในช่วงกึ่งกลาง ระหว่างความจริงกับความฝัน

2. ครั้งหนึ่งตอนเรียนมัธยม หนังสือที่อยากอ่าน หมดสต็อก เเละเค้าบอกว่าจะไม่พิมพ์อีกเเล้ว
ก็เลยค้นเบอร์คนเเปล โทรไปถามว่ายังมีเก็บไว้ให้(หนู)ซื้อมั้ยคะ คนเเปลก็ใจดี ให้หนังสือมาฟรีๆ

3. ชอบวาด มากกว่า เขียน ถ้าวาดเรียงความส่งอาจารย์ได้ คงไม่ตกวิชาการเขียนซ้ำสอง ในมหาลัยT^T

4. เเข่งวิ่ง กีฬาสีโรงเรียน วิ่งนําไปเกือบถึงเส้นชัย หมวกนำโชค(เเถมมากับกระป๋องไมโล)ปลิวหลุดจากหัว
เราดันวิ่งย้อนกลับไปเก็บก็เลยเข้าเส้นชัยเป็นที่สุดท้าย

5. เรียนที่รามาธิบดี มหิดล ไปหนึ่งปีสองเดือน ก่อนที่จะคิดได้ว่า อยากอยู่ฝ่ายบํารุงจิตใจ มากกว่าฝ่ายซ่อมร่างกาย
เลยลาออกไปเรียนศิลปะเเทน


------

จะไปเเปะใครต่อดีเนี่ย
:/