Sunday, February 05, 2006

อยู่ผิดประเทศ มั้ยเนี่ย

วันที่ 31 มกรา ที่ผ่านมา

ประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช ออกเเถลง State of the Union ความยาวเกือบหนึ่งชั่วโมงเต็ม
เนื้อหาเป็นการสรุปการทํางานของรัฐบาลในปีที่ผ่านมา เเละเเถมด้วยนโยบายใหม่ของปีนี้

อยู่ที่นี่มาห้าปี เพิ่งได้ดู State of the Union ปีนี้เป็นปีเเรก (เค้าจัดกันทุกปี)

ฟังเพลินๆ นโยบายก็เเนวเดิมๆ
เเต่มีที่เด่นๆอยู่บ้าง อย่างที่ฟังเเล้วก็ต้องหันไปหาคนข้างๆเเล้วอุทานว่า "เฮ้ย จริงดิ"
คือต่อจากนี้ รัฐขอสิทธิ์ดักฟังโทรศัพท์เเละอีเมล์ระหว่างคนในประเทศเเละนอกประเทศ
เผื่อมีใครโทรคุยกับ อัลไคดา จะได้บุกจับได้ทันที

เเต่นโยบายที่ฟังเเล้ว นิ่งไปสามวิ
คือนโยบาย เรียกร้องให้มีระงับการศึกษาวิจัยทางพันธุกรรมศาสตร์มนุษย์
อย่างตัดต่อสเต็มเซลล์ หรือ การทดลองสร้างอวัยวะจากเซลล์เอ็มบริโอ
โดยให้เหตุผลว่า กลัวคนไปทดลองสร้างครึ่งสัตว์ครึ่งมนุษย์ ฝ่าฝืนพระเจ้าอะไรทํานองนั้น

อืม เค้าไม่สนใจนะ ว่าการวิจัย จะช่วยชีวิตคนไข้ได้มากเเค่ไหน มันผิดหลักศาสนา ก็ทําอะไรไม่ได้

นี่ตูข้ามีชีวิตอยู่ในยุคกลางหรือยังไงวะนี่

Saturday, February 04, 2006

ไม่ได้เขียนอะไรมาทั้งเดือน



สวัสดีปีใหม่ ที่เริ่มจะเก่า

ปลายปี มุมานะ อ่าน Wind-up Bird Chronicle ข้ามปี
มาจบเอาตอนต้นมกรา ไม่เป็นอันทําการทํางาน
เป็นหนังสือนิยายของมุราคามิเรื่องที่สอง ที่อ่านเป็นภาษาอังกฤษ

อ่านเล่มนี้จบเเล้ว ก็เกิดความไม่เเน่ใจ
ว่านิยายเรื่องที่ชอบที่สุดของมุราคามิ คือเรื่องไหนกันเเน่
เพราะส่วนผสมเรื่องนี้ ใกล้เคียงกับเรื่องเเกะรอยเเกะดาว

กล่าวคือ

มีชายวัยสามสิบ
ไม่ทํางาน เเต่ก็มีเงินใช้เรื่อยๆ
ในเรื่องมีเเมว
มีเกร็ดประวัติศาสตร์
มีผู้หญิงลึกลับ
มีเรื่องเหนือธรรมชาติ
เเละมีการตามหาคนที่หายไป

จะว่าไปเเล้ว
เรื่องอื่นๆก็อาจจะประมาณนี้
เเต่ไม่ใกล้เคียงกันมากเท่าสองเรื่องที่เขียนถึง
สรุปว่า คนที่ชอบ เเกะรอยเเกะดาว คงจะชอบ wind up bird

- - - - - - -

เรื่องต้นปี

เตรียมเเผนจะกลับไปเที่ยวบ้านที่เมืองไทย
โทรไปจองตั๋วกับทัวร์เถื่อน
ที่ว่าเถื่อนคือ โทรไปทีไร ป้าคนเดิมเป็นคนรับสายทุกที
ทําให้จินตนาการไปว่า ทั้งบริษัท มีป้าคนนี้กับคอมพิวเตอร์หนึ่งเครื่อง
เเต่ก็นะ ตั๋วถูกๆ จะเอาอะไรมาก
ซื้อใน travelocity ราคา สองพันห้า
ซื้อกับป้า เหลือ เก้าร้อย
นี่อุตสาหกรรมทัวร์ มันทํากําไรกันมหาศาลขนาดนี้เลยเรอะ


- - - - - - -

วีซ่าญี่ปุ่น

กลับบ้านครั้งนี้ จะเเวะโตเกียวสองวัน
เป็นเหตุให้ต้องขอวีซ่า
ชีวิตนี้ไม่เคยขอวีซ่าเข้าประเทศอื่น นอกประเทศตัวเองมาก่อน
จะว่าไปเเล้ว ก็ไม่เคยขอวีซ่าเองเลยซักครั้ง (-_-)'

เข้าไปอ่านระเบียบการจากเว็บสถานฑูต
ญี่ปุ่นเคร่งครัดเรื่องคนเข้าเมือง อย่างกับ นักท่องเที่ยว จ้องจะเข้าประเทศไปปล้นฆ่าใครงั้นเเหละ
ต้องมีจดหมายเชิญจากคนญี่ปุ่น หรือ ต้องมีเงินในบัญชี หนึ่งหมื่นห้าพันเหรียญ เป็นอย่างต่ำ
สอบถามเพื่อนฝูง ก็ได้เรื่องราวให้กําลังใจ ประมาณว่า เพื่อนหญิงคนนึงได้โควต้าไปสัมนานักศึกษาเเพทย์ที่ญี่ปุ่น
มีจดหมายเชิญเรียบร้อย พ่อเเม่ก็ไปญี่ปุ่นมาเเล้วหลายครั้ง เธอก็ยังถูกเรียกไปสัมภาษณ์อีก

ไอ้เราก็กังวลไปต่างๆนานา เพราะ ไม่เข้าข่าย requirments อะไรซักอย่างข้างต้น

โทรไปคุยกับสถานฑูต ถึงเพิ่งรู้ว่า ถ้าเดินทาง"ผ่าน"ประเทศ (ในที่นี้ ผ่านไปยังกรุงเทพ)
ขอวีซ่า"ผ่าน"ได้ง่ายๆ ราคา7เหรียญ
โดยยื่นเเค่เอกสารเป็น ตั๋วเครื่องบิน เเละชื่อโรงเเรม


- - - - - - -

ดูหนังดีดี หลายเรื่อง
ยกยอดไปเล่าครั้งหน้า
:D