Tuesday, September 27, 2005

มื้อสุดท้าย

อากาศเย็นเหมือนหน้าหนาวเเถวบ้านเรา


อากาศเย็นทีไร นึกถึงปีใหม่ ทุกที

ปีใหม่ของฉันไม่มีหิมะ

มีเเต่ลมทะเล กับ ม่านหมอกโรยตีนเขา



---



ข่าวตอนเช้า


นักโทษคดีฆาตกรรม ถูกตัดสินประหารชีวิต หลังจากติดคุกมาเก้าปี

อาหารที่นักโทษสั่งเป็นมื้อสุดท้าย

คือ ชีสเบอร์เกอร์ มันฝรั่งทอด เเละน้ำอัดลม



ฟังเเล้วก็เกิดสงสัยว่า

ถ้าเป็นตัวฉัน

..

จะกินอะไรเป็นมื้อสุดท้าย?




ไม่ใช่ว่า กําลังวางเเผนจะไปฆ่า หั่น ใคร อะไรเทือกนั้น

เเค่สงสัย

Sunday, September 25, 2005








วันเสาร์

ไปร่วมงาน Via Colori|Street Painting
ปีนี้ได้เพนท์บนพื้นที่หก คูณ หก ฟุต เช่นเคย

ปีที่เเล้วหลังจากจบงาน ก็ตั้งปณิธานไว้ว่า
ปีหน้าจะเตรียมตัวให้พร้อมสองเดือนล่วงหน้า
พอมาปีนี้จริงๆ
กว่าจะได้นั่งคิด นั่งวาด ก็เช้าวันเสาร์ เหมือนเดิม

เหมือนที่ทินกร หุตางกูร เขียนไว้
คนเราใช้เวลาตัดสินใจจริงๆ เพียงสองวินาที
อีกสามร้อย หกสิบสี่วัน ยี่สิบสามชั่วโมง ที่เหลือ
คือเวลาไตร่ตรอง


จนตกบ่ายนั่นเเหละ
ถึงค่อยยุรยาตร ออกไปถึงสถานที่จริง
เเล้วก็รีบเขียนกัน อย่างกับโรงงานนรก

เจ้าข้างๆ เป็นศิลปินช่างคุย
ชวนคุยนู่นคุยนี่
ไอ้เราก็รีบๆ กลัวเเสงหมด ได้เเต่ตอบ อือ ออ
ไม่อยากลงสีกลางเเสงเทียนนี่นา
มันโรเเมนติกไป .. ฉันมันคนจิตใจอ่อนเเอ

น้องชายบอกว่า ให้วาดหลุมสิ เป็น op art
หรือไม่ก็ Crime Scene รูปoutlineคนนอน
ไอ้เราก็ขําๆ บ้าเรอะ
เเต่ก็...มีคนทําทั้งสองอย่างจริงๆด้วยอ่ะ
คอนเซ็ปท์สากลมั้งวี

สังเกตได้ว่า
คนส่วนใหญ่ชอบภาพเหมือนจริง (realism)
เห็นภาพนกยูง ก็กรูกันเข้าไปชื่นชม
อู้ยยย เหมือนจังเลย อย่างกับภาพถ่ายเเน่ะ

เหมือนภาพถ่าย เเล้วจะเพ้นท์ไปทําไม (วะ)คะ


--------


วันอาทิตย์

ย้อนกลับไปเช็คว่านามบัตรหมดรึยัง
36ใบหายเกลี้ยง ((ดีใจ))
หยิบออกมาเติมอีกฟ่อน เเล้วก็นั่งกินหนมคุมเชิงเเถวๆนั้น

ปรากฎว่ามีเเต่เด็กๆมาหยิบ
จะบอกน้องๆว่า เฮ่ยบัตรเเพงนะเฟ้ย อย่าหยิบทิ้งหยิบขว้างเด่ะ
ก็เกรงใจผู้ปกครอง

คืนนี้เขาจะลบภาพทิ้งเเล้วล่ะ
เเต่ถ่ายรูปเก็บไว้ตั้งเเต่เย็นวันเสาร์เเล้ว

ปีหน้าฉันจะเตรียมพร้อมกว่านี้!


โหลดรูปเสร็จจะเอามาเเปะอีก
ของคนอื่นๆ บางอันมันสวยกว่า หมดอารมณ์โหลด

วันนี้เลยขอหลงตัวเองซักวัน...นะจ๊ะที่รัก


Thursday, September 22, 2005

ว่าด้วย ลาว คําหอม

จั่น,

หลังจากที่เราคุยกันวันนั้น เรื่อง ลาว คําหอม คือนักเขียนไทยที่ดีที่สุด ?
เราก็ไปนั่งจ้องชั้นหนังสือน้อยๆของเรา
(ตอนนี้อ้วนขึ้นเล็กน้อยเเล้ว จากหนังสือที่จั่น, เพื่อนผู้มีอุปการะคุณ, เเละท่านพ่อส่งมา)

เราเเทบจะไม่มีหนังสือภาษาไทยที่เขียนโดยคนไทยเลยล่ะ

เราเลือกหนังสือที่เราโคตรชอบออกมา
ก็เจอเเต่ มิลาน คุนเดอรา ฮารุกิ มุราคามิ
อ้อ เราก็ชอบสมัญญาเเห่งดอกกุหลาบนะ (เล่มนี้ที่เราอ่านอยู่สองปีไงล่ะ)
เเต่ไม่อาจพูดได้ว่า เราชอบ อุมเเบรโต้ เอโก้

เเต่เมื่อมานั่งนึกๆถึงชั้นหนังสือของพ่อ
เราก็เริ่มไม่เเน่ใจว่า วันนั้นที่บอกว่า ลาว คําหอม ดีที่สุดนั้น เป็นคําพูดที่หนักเเน่นรึเปล่า

เราจะตัดสินใจได้ยังไงว่า นักเขียนคนไหน คือ คนที่ดีที่สุด
ในเมื่อ การเขียนมันก็มีทั้ง เรื่องสั้น นิยาย บทละคร เเละอื่นๆ

พูดถึงเรื่องสั้น
เรามานั่งนึกๆดูเเล้ว
เราว่า วินทร์ เลียววาริณ ก็เขียนดี
ทินกร หุตางกูร
คมสัน นันทจิต
เเละเราคิดว่าปราบดา หยุ่น (ที่เเกเข้าใจผิดว่าเราติดใจหน้าตา) บางทีก็เขียนได้โคตรดี เช่นกัน

เเต่เราว่า
เราชอบที่ เวลาเราอ่านงานของ ลาว คําหอม เเล้ว
เราลืมไปเลยว่า เรื่องสั้น ใน ฟ้าบ่กั้น เขียนขึ้นเมื่อ เกือบ ห้าสิบปีที่เเล้ว?
นั่นเป็นส่วนนึงที่พวกเราถึงกับพูดว่า เขาเป็นนักเขียนที่ดีที่สุดรึเปล่าวะ

ภาษาที่ไม่ตายไปตามกาลเวลา

นึกเสียดายที่คิดไปว่า มันเป็นหนังสืออ่านนอกเวลา
คงจะน่าเบื่อ
เราอ่านหนังสือเก่าๆ ส่วนมากก็จะงงๆ
เนื่องจาก ช่องว่าง มันกว้างเกินไป



ปล.

วันนี้หัดเล่นไพ่โปกเกอร์เป็นครั้งเเรก
ได้ beginner's luck ชนะไปมือนึง ที่เหลือเเพ้เรียบ
เเต่ไม่ได้กินตังค์กันหรอกนะ
เล่นกระชับมิตร ระหว่างงานสังสรรค์สํานักงาน
หลังจากไปตบวอลเลย์มาหนึ่งเกม

สนุกดีเหมือนกัน

Monday, September 19, 2005

ขับรถสองเเถวส่งเเต๋วเรียนราม

ขับรถบนทางด่วนตอนเย็นๆ
ได้ไปจอดติดรถพ่วงสองตอนคันใหญ่ มีตัวหนังสือเขียนไว้ข้างหลัง

"student driver"

อืม.. เพิ่งหัดขับ .. ก็มือใหม่หัดขับสินะ
มีโรงเรียนสอนขับรถบรรทุกด้วยเรอะ
เล่นมุขอะไรรึเปล่า(วะ)


---


เมื่อก่อนก็เห็นป้ายหลังรถบรรทุกทํานองนี้เหมือนกัน
เเต่ส่วนใหญ่ไม่มีอย่างเรียบๆ ตัวอักษรดําบนพื้นขาวเเบบนี้
มันมักจะมากับ รูปหัวใจ ตัวหนังสือหางตวัด เเล้วก็ข้อความหักมุมหวานๆ ซื่อๆ คมๆ

อาชีพของที่บ้านทําให้ได้มีโอกาสพบปะกับเหล่าคุณลุงรถบรรทุกบ่อยๆ
ทั้งคนขับรถ ทั้งเจ้าของรถ
ช่วงปีหลังๆ กิจการรถทัวร์ทางจังหวัดชายฝั่งตะวันออกเมืองไทย
เกิดกระเเส pimp รถทัวร์กันเอิกเกริก
รูปข้างรถทัวร์เรา ไม่ได้มีเเต่รูปวิวอย่างเดียว มีทั้งเเนวกราฟฟิค
เเนวเหนือจริง เเนวคาวบอย เเนวอาร์ต นูโว เเละอื่นๆ
(น่ากลัวที่สุด คือ รถทัวร์ลายดิสนีย์-ปลอม)

เจ้าของรถ คงคาดว่าพ่นสีสวยๆเเล้ว
คนนั่งจะได้ลืมว่าเบาะข้างในรถ ก็ยังเก่าเหมือนเดิม

พ่นสีรถซะสวย
เลยไม่มีที่ว่างติดสติกเกอร์ให้ คน(รักปรัชญารถบรรทุก)อย่างเราอ่าน



---

ระหว่างรถค่อยๆคืบไปข้างหน้าอย่างช้าๆ
ฉันเเซงรถกระบะคันซ้าย เบียดเข้าไปตีคู่กับรถพ่วงคันหน้า
ปรากฏว่าข้างรถมีป้าย นักเรียนหัดขับ ติดอยู่อีกสองป้าย
ระหว่างกลาง มี ชื่อมหาวิทยาลัยเเห่งหนึ่งติดอยู่
โรงเรียนสอนขับรถพ่วง ภาควิชาอะไรซักอย่าง

มันเป็นนักเรียนหัดขับรถบรรทุกจริงๆด้วย!

คนต้องหัดขับรถบรรทุกกันเป็นจริงเป็นจังอย่างนี้เชียวเรอะ


ด้วยความสงสัย เลยไปค้นดูโรงเรียนสอนขับรถบรรทุก
ต่อไปนี้ เป็นตัวอย่างบทเรียน
เอามาฝาก เผื่อใครอยากไปเรียน

Winter Driving
Full Air Brake Course
Load Distribution
Border Crossing Procedures
Trip Planning
เเละอื่นๆ

ตอนนี้มีความชื่นชมคนขับรถบรรทุกเพิ่มมาระดับนึง

จากภาพ
นักเรียนหัดขับรถ จากสถานการณ์จําลอง
ที่ John Wood Community College

Wednesday, September 07, 2005

อําลา mini ipod อย่างเป็นทางการ

เช้านี้

อากาศเย็น เเดดจ้า
ครอบครัวผู้อพยพจาก หลุยเซียน่า เดินทางมาถึงโคลัมบัส
ที่นี่เป็นหนึ่งในหลายๆเมืองที่เปิดบ้านต้อนรับผู้ประสบภัย

อาทิตย์ที่ผ่านมา มีข้อโต้เถียงเล็กๆเกิดขึ้นระหว่างสถานีข่าว เเละกลุ่มผู้ประสบภัย
เรื่องมีอยู่ว่า สื่อใช้คําว่า refugee ซึ่งเเปลว่าผู้อพยพ
เเต่ทางกลุ่มเเย้งว่า พวกเขาเป็นประชาชนที่เกิดเเละโตในประเทศนี้เหมือนกับคนอื่นๆ
ไม่ควรใช้คําว่า refugee ที่ส่วนมากจะเป็นการอ้างถึง ผู้อพยพลี้ภัยต่างชาติ

ในวันถัดมา ทีวีทุกช่องก็พร้อมใจกันเปลี่ยนมาเรียกผู้ประสบภัยว่า evacuee
เเปลตรงๆตัวว่า ผู้ที่ย้ายออกจากพื้นที่อันตราย
เเต่เเปลสั้นๆ มันก็เเปลว่า ผู้อพยพ อยู่ดี

คําๆเดียว ในสถานการณ์ที่เปราะบาง คงมีค่ามหาศาล



-------------


ตอนบ่าย

ทํางานอยู่ดีๆ ก็ได้ยินเสียงเเซ่ซ้องสรรเสริญ
ดังเป็นทอดๆมาจากโต๊ะ(คอก)หัวเเถวในหมู่นักออกเเบบ

ipod ออกเครื่องใหม่มาอีกเเล้ว

ipod nano

เครื่องเล่น mp3 ยี่ห้อ Apple รุ่นนี้ บางเท่าดินสอ
สิ่งที่เเตกต่างจากรุ่นก่อน คือ ขนาดเล็กลง
ราคาเเพงขึ้น มีหน้าจอสี เอาไว้โชว์รูป

คงที่ประชากรมากมายในโลกนี้
ที่ต้องการเดินฟังเพลง เเละ จ้องรูปกิ๊กบนหน้าจอ ipodเล็กจิ๋ว ในเวลาเดียวกัน

อาทิตย์หน้านี้ เราคงได้เห็นคนเดินถนน เสียบหูฟังสีขาว
ในมือขวาถือ ipod nano
คู่กับมือซ้าย ที่ถือ โทรศัพท์ motorola รุ่น razor บางเฉียบอย่างกับกระดาษ กันขวักไขว่

เเละอีกซักสองสามอาทิตย์ถัดมา
บริษัทใดบริษัทนึง ก็คงจะจัดเเจง เอา ipod มารวม กับ มือถือ

ทีนี้พวกเราจะได้
คุยกับเเฟน พร้อมกับฟังเพลง เเละ มองรูปสาวๆที่โหลดมาจากอินเตอร์เนท
กันเพลินไปเลย

หึ หึ

Monday, September 05, 2005

Go Bucks!

อเมริกันฟุตบอลระหว่างมหาวิทยาลัยเปิดฤดูกาลเป็นวันเเรกเมื่อเสาร์ที่ผ่านมา
ตอนเช้าได้ยินเสียงเพลงเดินสวนสนามของ Ohio State University โหมโรงข้ามสิบช่วงตึกมาถึงหลังบ้าน

ฉันงัวเงียออกจากบ้านไปซื้อข้าวกิน
เหมือนตกอยู่ในความฝัน
ผู้คนสวมเสื้อสีเเดงมีตรา OSU เดินกันคึกคัก
ผู้คนที่ว่า ไม่ใช่เด็กมหาลัย เเต่เป็น ลูกเล็กเด็กเเดง ยัน คุณปู่คุณย่า
ฉันยืนต่อเเถวจ่ายเงิน สวมเสื้อสีดํา หราอยู่คนเดียว
เกิดวิตกจริตว่า ทีมตรงข้ามที่จะเเข่งกันวันนี้ มีสีประจําทีมว่าอะไรวะเนี่ย
หวังว่าไม่ใช่สีดํา

ฉันพอจะเข้าใจว่า คนที่เคยเรียนที่มหาวิทยาลัยนี้
ก็คงจะเกิดอาการรักสถาบันเมื่อถึงเวลาออกศึกเป็นธรรมดา

เเต่พวกที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วย
ทีมเเพ้ เเล้วเสียอกเสียใจ ออกไปทําลายข้าวของ เผารถราษฏร
ความรักชนิดนี้ ซับซ้อนเกินกว่าฉันจะเข้าใจได้

นึกถึงเพื่อนๆสมัยเรียนมัธยมต้น
อดหลับอดนอน เชียร์บอลต่างชาติ กันจนขอบตาคล้ำ

ไอ้ฉันก็พยายามตามกระเเส งดละครหลังข่าว ไปเชียร์บอล
เเต่ก็พบว่าไม่มีอะไรที่สามารถยึดเหนี่ยวฉันกับทีมฟุตบอลได้จริงจัง มากไปกว่าหน้าตาของผู้เล่นบางคน
ในเมื่อเป็นความรักที่ฉาบฉวย
ฉันก็สมัครใจจะหยุดมันลงเเค่นั้น

ขออวยพรให้ทีมฟุตบอล OSU Buckeye โชคดีมีชัย
เเข่งที่บ้านทีไร ก็ให้ชนะมันทุกเเมตช์ไป
ปีนี้จะได้ไม่มีรถใครถูกเผา

Friday, September 02, 2005

0

วันศุกร์

รัฐบาลส่งกองกําลังทหารพร้อมอาหารเเละน้ำดื่ม
ช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเขตนิวออร์ลีนส์ที่รออยู่ตั้งเเต่วันอังคาร
ข่าวลือว่า เรามีกองกําลังรักษาความปลอดภัยไม่พอในสามวันที่ผ่านมา
เพราะทหารส่วนใหญ่ ประจําอยู่ที่อิรัก

ผู้สื่อข่าวยิงคําถามไปที่ทําเนียบขาว ถึงความล่าช้าในการช่วยเหลือ
ตัวเเทนทําเนียบขาวอ้างว่าไม่ได้รับรายงาน เรื่อง การอพยพคนไปอยู่ที่ซุปเปอร์โดม จนกระทั่งวันพุธ
ทั้งๆที่ทีมข่าวเกือบทุกสํานักในประเทศ ไปตั้งศูนย์บัญชาการอยู่ที่นั่นตั้งเเต่วันอังคาร


- - - - - - - - -

ฉันออกจากบ้านเเต่เช้า
ท้องฟ้าสีฟ้าใส ผืนดินเเห้ง
วันนี้เป็นวันเเรกที่ฝนไม่ตก นับตั้งเเต่วันเสาร์ที่ผ่านมา

Thursday, September 01, 2005

3.2.1..

วันพุธ

8:39

ขณะขับรถไปทํางานตอนเช้า เพื่อนโทรมา
"เเกได้ข่าวทางวิทยุมั้ย ว่าราคาน้ำมันจะขึ้นอีกเเกลลอนละห้าสิบเซ็นต์วันนี้เวลาเก้าโมงตรง"

ฉันเหลือบมองนาฬิกาข้างวิทยุ

"อืมขอบใจ ตอนนี้มีอยู่ครึ่งถัง เเต่เดี๋ยวจะบึ่งไปเติมก่อนเข้าตึก"
"เร็วๆนะเเก ข่าวจริงนะเว้ย มันจะขึ้นเป็นเเกลลอนละสามเหรียญเเล้วนะ"

"โม้เเล้วเเก...เเล้วใครจะขับรถกันวะ มิต้องเดินไปทํางานกันหมดเหรอ"


8:53

ฉันเลี้ยวรถออกจากทางด่วน
มองป้ายราคาน้ำมันลิบๆ
เบนซิน 2.53 เหรียญ
เฮ้ย...เมื่อวานราคาน้ำมัน 2.39 เอง
อยากเตะตัวเองจริงๆ ที่ดันขี้เกียจเติม

รถยนต์ในปั๊มน้ำมันBP จอดต่อเเถวยาวออกมาถึงถนนใหญ่
เเอบปลอบใจตัวเองน่าจะเติมทันน่า อีกเกือบสิบนาที
เติมไว้ตอนนี้ พอมันขึ้นเป็นสามเหรียญจริงๆ จะได้ไม่รู้สึกโง่

ปั้มน้ำมันเชลอีกฟากของถนน เริ่มปลดป้ายราคาลง
ทําให้รถอีกจํานวนนึงเปลี่ยนใจย้ายมาเติมปั๊มเดียวกับฉันอีก หก เจ็ดคัน
ซักพัก มีคนตะโกนว่า ปั้มเชลน้ำมันหมดเเล้ว
ผู้คนตกอกตกใจ เเต่ก็ทําอะไรไม่ได้ นอกจากขยับรถให้เข้าไปใกล้คันหน้าอีกคืบนึง


9:09

รถคันข้างหน้า เป็นคุณนายร่างเล็กขับรถSUVคันยักษ์
เติมน้ำมันนานมาก จนฉันต้องออกจากรถเดินไปถามว่า ปั๊มนี้เสียรึเปล่า(วะ)คะ
คุณนายหันมาเลิกคิ้วมองฉันเเปลกๆ เเล้วก็กลับไปนั่งจ้องราคาน้ำมันบนหน้าจอที่วิ่งขึ้นพรวดๆ
ตามจํานวนเเกลลอนที่รถยักษ์ของเธอสูบออกไป

ฉันมองไปรอบๆ คุณเเม่บ้านเดี๋ยวนี้หันมาขับรถใหญ่ๆกันทั้งนั้นเลย
รถตู้ รถกระบะ รถโฟร์วีลล์ (ไม่รู้ว่าต้องพาลูกไปบุกป่าเข้าดงที่ไหน)

ในที่สุดฉันก็ได้เติมน้ำมัน
คุณนายคนก่อนเติมน้ำมันไป 56 เหรียญ
ฉันขนลุก เเล้วตรูต้องจ่ายเท่าไหร่ฟะเนี่ย


920

มาทํางานสาย
อาย ไม่อยากบอกใครว่าไปร่วมขบวนป่วนปั๊มกับชาวบ้านมาด้วย
เดินเข้ามาที่โต๊ะ (จริงๆเเล้วเป็นคอก)
เพื่อนก็ยิงคําถามเเรกมาเลย

"เเกเติมเต็มถังรึเปล่า"

-------------


วันนี้นั่งดูข่าวตอนเย็น
ราคาน้ำมันขึ้น ก็เพราะสายการขนส่งน้ำมันทางภาคใต้ของอเมริกาถูกตัดขาด ด้วยเฮอริเคน คาทรินา
ทําให้รัฐอย่าง อลาบามา หลุยเซียนา ไม่มีน้ำมันใช้ในเวลานี้
อยากเขียนถึง นิวออร์ลีนส์ ได้ยินข่าวน่ากลัว มามากเหลือเกิน หดหู่เขียนไม่ลง
ฉันเพิ่งได้ยินข่าวเต็มๆก็วันนี้
(สองวันก่อน ไม่รู้เอาหัวไปมุดรูไหน)

พรุ่งนี้จะไปดูว่าจะช่วยบริจาคอะไรได้มั่ง